ดาวตกคือ

ดาวตกคือ เกิดขึ้นได้อย่างไร?

ดาวตกคือ สะเก็ดดาว (Meteoroid) ที่ลุกไหม้ใน ชั้นบรรยากาศของโลก เมื่อสะเก็ดดาวที่ลอยอยู่ในอวกาศเข้าใกล้โลก แรงดึงดูดของโลกจะทำการดึงสะเก็ดดาวเข้าสู่ชั้นบรรยากาศโลก ทำให้เกิดความร้อนจากการเสียดสีของสะเก็ดดาวกับโมเลกุลของอากาศในชั้นบรรยากาศ สะเก็ดดาวตก จะเกิดการเผาไหม้จนกลายเป็นแสงสว่างที่เราเห็นเป็นเส้นแสงสว่างเคลื่อนที่ผ่านท้องฟ้า ดาวตกเกิดขึ้นได้ทั่วไปในทุกๆ วัน แต่เราจะเห็นดาวตกได้ง่ายขึ้นในคืนที่ท้องฟ้ามืดและไม่มีแสงรบกวน เช่น คืนเดือนดับหรือคืนที่ไม่มีแสงไฟจากเมือง เราสามารถสังเกตเห็นดาวตกได้หลายดวงในคืนเดียว โดยมากแล้วดาวตกขนาดเล็กจะเสียดสีกับ บรรยากาศ 

จนระเหยไปหมดก่อนที่จะถึงพื้นโลก แต่ในกรณีที่ดาวตกมีขนาดใหญ่เกินกว่าจะระเหยไปหมด เราจะเรียก ดาวตกคือ ที่ตกลงมาถึงพื้นโลกว่า อุกกาบาต ฝนดาวตก คือ ปรากฏการณ์ ฝน ดาวตก เกิดขึ้นมากมายในเวลาเดียวกัน เกิดจากสะเก็ดดาวจำนวนมากตกลงสู่ชั้นบรรยากาศโลกพร้อมกัน ฝนดาวตกมักเกิดขึ้นในช่วงที่โลกโคจรผ่านธารอุกกาบาต ซึ่งเป็นแหล่งที่เก็บสะสมสะเก็ดดาวไว้เป็นจำนวนมาก ในแต่ละปีจะมีฝนดาวตกเกิดขึ้นหลายครั้งและ ดาวตกคือ เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่สวยงามและน่าประทับใจ เราสามารถสังเกตเห็นดาวตกได้ด้วยตัวเองง่ายๆ เพียงหาสถานที่ที่มองเห็นท้องฟ้าได้ชัดเจนและปราศจากแสงรบกวน

ดาวตกคือ

สะเก็ดดาว

สะเก็ดดาว เป็นวัตถุขนาดเล็กในอวกาศ มีขนาดตั้งแต่เศษฝุ่นไปจนถึงก้อนหินขนาดใหญ่ วัตถุเหล่านี้เกิดขึ้นจาก ดาวหาง และ ดาวเคราะห์น้อย เมื่อดาวหางและดาวเคราะห์น้อยโคจรรอบดวงอาทิตย์ แรงดึงดูดของดวงอาทิตย์จะดึงดูดเศษชิ้นส่วนขนาดเล็กออกจากผิวดาว เศษชิ้นส่วนเหล่านี้จะลอยอยู่ในอวกาศเป็นระยะเวลานาน จนกระทั่งแรงดึงดูดของโลกดึงดูดให้ตกลงสู่ชั้นบรรยากาศโลก 

เมื่อ หินสะเก็ดดาว ตกลงสู่ชั้นบรรยากาศโลก ความเร็วของสะเก็ดดาวจะอยู่ที่ประมาณ 11 ถึง 72 กิโลเมตรต่อวินาที ความเร็วที่สูงเช่นนี้ทำให้เกิดความร้อนจากการเสียดสีกับโมเลกุลของอากาศ เกิดเป็นแสงสว่างวาบพาดผ่านท้องฟ้า แสงสว่างของดาวตกจะขึ้นอยู่กับขนาดของสะเก็ดดาว ยิ่งสะเก็ดดาวมีขนาดใหญ่ แสงสว่างก็จะยิ่งสว่าง

ฝนดาวตกที่มีชื่อเสียงในไทย

ฝนดาวตกที่มีชื่อเสียงในประเทศไทย ดาวตกคือ ฝนดาวตกลีโอนิดส์ (Leonids) เกิดขึ้นในช่วงวันที่ 17-20 พฤศจิกายน ฝนดาวตกเจมินิดส์ (Geminids) เกิดขึ้นในช่วงวันที่ 12-14 ธันวาคม และฝนดาวตกควอดรานติดส์ (Quadrantids) เกิดขึ้นในช่วงวันที่ 3-5 มกราคม

ดาวตกคือ

ฝนดาวตกลีโอนิดส์

ฝนดาวตกลีโอนิดส์ (Leonids) เป็นฝนดาวตกที่เกิดขึ้นในช่วงวันที่ 6 – 30 พฤศจิกายน ของทุกปี เกิดจากสายธารเศษฝุ่นของดาวหาง 55พี เทมเพล-ทัตเทิล (55P Tempel-Tuttle) ที่ยังหลงเหลืออยู่ในวงโคจรของดาวหางตัดผ่านวงโคจรของโลก ทำให้เศษฝุ่นของดาวหางเหล่านั้นเสียดสีกับชั้นบรรยากาศโลก เกิดการเผาไหม้จนเห็นเป็นแสงสว่างวาบคล้ายลูกไฟวิ่งพาดผ่านท้องฟ้า ดาวตกคือ ลีโอนิดส์เป็นฝนดาวตกที่มีความสว่างมากที่สุด จึงได้รับการขนานนามว่า “ราชาแห่งฝนดาวตก” อัตราการตกสูงสุดเฉลี่ย 10-15 ดวงต่อชั่วโมง แต่บางครั้งอาจเกิดปรากฏการณ์พายุฝนดาวตก (Meteor Storm) ทำให้มีดาวตกปรากฏขึ้นเป็นจำนวนมากถึงหลายร้อยดวงต่อชั่วโมง ซึ่งจะเกิดขึ้นเมื่อโลกโคจรผ่านบริเวณที่มีความหนาแน่นของเศษฝุ่นดาวหางสูงเป็นพิเศษ

ฝนดาวตกเจมินิดส์

ฝนดาวตกเจมินิดส์ (Geminids) เป็นฝนดาวตกประจำปีที่เกิดจากโลกเคลื่อนที่ผ่านเศษซากของดาวเคราะห์น้อย 3200 เฟธอน (3200 Phaethon) ซึ่งโคจรอยู่รอบดวงอาทิตย์ในระยะทางที่ค่อนข้างใกล้ เศษซากเหล่านี้จะเผาไหม้ในชั้นบรรยากาศของโลก ทำให้เกิดแสงวาบเป็นเส้นยาวบนท้องฟ้า ฝนดาวตกเจมินิดส์จะเกิดขึ้นในช่วงวันที่ 4-20 ธันวาคมของทุกปี โดยช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการชมคือคืนวันที่ 13-14 ธันวาคม ปีนี้คาดว่าจะมีอัตราการตกสูงสุดประมาณ 150 ดวงต่อชั่วโมง จุดศูนย์กลางการกระจายของฝนดาวตกเจมินิดส์อยู่ใกล้กลุ่มดาวคนคู่ ทางทิศตะวันออกของท้องฟ้า ผู้ที่สนใจชมฝนดาวตกเจมินิดส์จึงควรมองหากลุ่มดาวคนคู่บนท้องฟ้า 

จากนั้นให้มองขึ้นไปบนท้องฟ้าในทิศทางเดียวกับกลุ่มดาวคนคู่ ฝน ดาวตก เจมินิดส์จะปรากฏเป็นเส้นยาวจากจุดศูนย์กลางการกระจายไปทั่วท้องฟ้า สำหรับประเทศไทย ฝนดาวตกเจมินิดส์จะปรากฏขึ้นได้ตั้งแต่เวลาประมาณ 20:00 น. จนถึงเวลาประมาณ 02:00 น. ของวันถัดไป อย่างไรก็ตาม ปีนี้สภาพท้องฟ้าไม่เอื้ออำนวย เนื่องจากเป็นคืนดวงจันทร์แรม 2 ค่ำ ดวงจันทร์ขึ้นจากขอบฟ้าตั้งแต่เวลา 18:58 น. และตกลับขอบฟ้าในเวลา 07:18 น. ของวันถัดไป ทำให้มีแสงจันทร์รบกวนตลอดทั้งคืน จึงอาจสังเกตเห็นฝนดาวตกเจมินิดส์ได้ยากมาก

ฝนดาวตกควอดรานติดส์

ฝนดาวตกควอดรานติดส์

ฝนดาวตก ควอดรานติดส์ (Quadrantids) เป็นฝนดาวตกที่จุดสูงสุดในช่วงต้นเดือนมกราคมและมีความสดใสอยู่ในกลุ่ม ดาวตกคือ Boötes อัตรารายชั่วโมงที่จุดสุดยอดของฝนนี้อาจสูงเท่ากับฝนดาวตกที่มีความเข้มข้นสูงอื่นๆ อีก 2 แห่ง ได้แก่ ฝนดาวตกเพอร์เซอิดส์ในเดือนสิงหาคมและเจมินิดส์ในเดือนธันวาคม ฝนดาวตก Quadrantids เกิดจากเศษอนุภาคที่หลงเหลือของดาวหาง 2003 EH1 ซึ่งโคจรตัดผ่านวงโคจรของโลก เมื่อโลกเคลื่อนที่เข้าใกล้บริเวณดังกล่าว เศษหินและฝุ่นของดาวหางจะถูกแรงดึงดูดของโลกดึงเข้ามาเผาไหม้ในชั้นบรรยากาศโลก เกิดเป็นลำแสงวาบ หรือบางครั้งเกิดเป็นลูกไฟขนาดใหญ่ (fireball) จุดศูนย์กลางการกระจาย (radiant) ของฝนดาวตก Quadrantids อยู่ที่กลุ่มดาว Boötes ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ มองเห็นได้ชัดเจนที่สุดในละติจูดกลางถึงสูง ในประเทศไทยสามารถมองเห็นฝนดาวตก Quadrantids ได้ในช่วงวันที่ 28 ธันวาคม – 12 มกราคม ของทุกปี โดยจุดสูงสุดจะอยู่ในช่วงวันที่ 3-4 มกราคม

ติดตามข่าวสารได้ที่นี่ : https://AstronomyMoon.com

ศึกษาเกี่ยวกับ : ปรากฏการณ์ ฝน ดาวตก