ปรากฏการณ์-ฝน-ดาวตก

ปรากฏการณ์ ฝน ดาวตก

ปรากฏการณ์ ฝน ดาวตก คือปรากฏการณ์ที่โลกโคจรผ่านเข้าไปในธาร อุกกาบาต ทำให้เกิดดาวตกจำนวนมากตกลงมาบนท้องฟ้าในเวลาเดียวกัน ฝนดาวตกแต่ละครั้งจะมีจุดกำเนิดที่แตกต่างกัน โดยเกิดจากเศษชิ้นส่วนขนาดเล็กของดาวหางที่แตกตัวหรือหลุดออกมาระหว่างการ โคจรรอบดวงอาทิตย์ เศษชิ้นส่วนเหล่านี้จะยังคงอยู่ในวงโคจรของดาวหางเดิม และหากโลกโคจรผ่านเข้าไปในธารอุกกาบาตเหล่านี้ เศษชิ้นส่วนเหล่านี้ก็จะตกลงมาบนโลกกลายเป็นดาวตก ปรากฏการณ์ ฝน ดาวตก เกิดจากฝนดาวตกจะดูเหมือนพุ่งออกมาจากจุดเดียวกันบนท้องฟ้า ซึ่งเรียกว่า เรเดียนต์ ฝนดาวตกใดมีเรเดียนต์อยู่ที่กลุ่มดาวใด ก็จะมีชื่อตามกลุ่มดาวนั้น เช่น ฝนดาวตกกลุ่มดาวสิงโต มีจุดเรเดียนต์อยู่ในกลุ่มดาวสิงโต 

ฝนดาวตกกลุ่มดาวคนคู่ มีจุดเรเดียนต์อยู่ในกลุ่มดาวคนคู่ เป็นต้น ปรากฏการณ์ ฝน ดาวตก ที่มีชื่อเสียงในประเทศไทย ได้แก่ ฝนดาวตกเพอร์เซอิดส์ (Perseids Meteor Shower) เกิดขึ้นในช่วงเดือนสิงหาคม ฝนดาวตกเจมินิดส์ (Geminids Meteor Shower) เกิดขึ้นในช่วงเดือนธันวาคม และฝนดาวตกลีโอนิดส์ (Leonids Meteor Shower) เกิดขึ้นในช่วงเดือนพฤศจิกายน การดู ปรากฏการณ์ ฝน ดาวตก ควรเลือกสถานที่ที่ท้องฟ้ามืด ไม่มีแสงรบกวนจากเมืองหรือแสงจันทร์ นอนหงายแล้วกวาดมองไปให้ทั่วท้องฟ้า เพราะดาวตกอาจปรากฏให้เห็นได้ทุกทิศทาง ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการดูฝนดาวตกคือช่วงเวลากลางคืนที่ท้องฟ้ามืดสนิท

ปรากฏการณ์-ฝน-ดาวตก

ฝนดาวตกคนคู่

ฝนดาวตก คนคู่ (Geminids) เป็นฝนดาวตกที่มีอัตราการตกค่อนข้างสูง ฝนดาวตกเกิดจาก ในช่วงท้องฟ้าปลอดโปร่ง มีช่วงตกสูงสุดอยู่ที่ราววันที่ 14-15 เดือนธันวาคมของทุกปี ฝนดาวตกคนคู่เกิดจากการที่โลกเคลื่อนที่ผ่านธาร สะเก็ดดาวตก ของดาวเคราะห์น้อย 3200 เฟธอน (3200 Phaethon) ซึ่งเดิมทีสันนิษฐานว่าเป็นดาวหาง แต่ภายหลังพบว่ามีองค์ประกอบคล้ายดาวเคราะห์น้อยมากกว่า ดาวเคราะห์น้อย 3200 เฟธอน มีวงโคจรรอบ

ดวงอาทิตย์แบบวงรีแคบ โดยมีระยะใกล้ดวงอาทิตย์ที่ 0.14 หน่วยดาราศาสตร์ และระยะไกลดวงอาทิตย์ที่ 1.4 หน่วยดาราศาสตร์ ดาวเคราะห์น้อยดวงนี้โคจรรอบดวงอาทิตย์ครบหนึ่งรอบใช้เวลาประมาณ 1.43 ปี ฝนดาวตกคนคู่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ดาวตกส่วนใหญ่มีสีขาวและเหลือง มีการเคลื่อนที่ค่อนข้างช้าและสามารถพบลูกไฟ ซึ่งเป็น

ดาวตกที่มีความสว่างมากได้ราวร้อยละ 5 ของดาวตกทั้งหมด ในปี 2566 ฝนดาวตกคนคู่จะมีอัตราการตกสูงสุดอยู่ที่ประมาณ 150 ดวงต่อชั่วโมง ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการชมฝนดาวตกคนคู่คือในช่วงหัวค่ำของวันที่ 14 ธันวาคม โดยควรหาสถานที่ที่มืดสนิท ไม่มีแสงรบกวน นอนราบบนพื้นแล้วมองขึ้นไปบนท้องฟ้า ดาวตกจะเริ่มปรากฏให้เห็นตั้งแต่ประมาณเวลา 21.00 น. เป็นต้น

ฝนดาวตกพิณ

ฝนดาวตกพิณ (Lyrids) เป็นฝน ดาวตก ประจำปีที่เกิดขึ้นในช่วงเดือนเมษายน เกิดจากเศษฝุ่นของ ดาวหาง แทตเชอร์ (C/1861 G1 Thatcher) ซึ่งจะโคจรรอบดวงอาทิตย์ทุกๆ 415 ปี ฝนดาวตกพิณมีอัตราการตกสูงสุดในคืนวันที่ 22 เมษายนของทุกปี อยู่ที่ประมาณ 18 ดวงต่อชั่วโมง (แปรผันได้ เคยสูงถึง 90 ในช่วงเวลาสั้น ๆ เมื่อ พ.ศ. 2525) 

สำหรับประเทศไทย ฝนดาวตกพิณสามารถมองเห็นได้ในช่วงวันที่ 16-25 เมษายน โดยช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการชมคือหลังเที่ยงคืนเป็นต้นไป ท้องฟ้าเปิดโล่ง และห่างไกลจากแสงรบกวน จุดศูนย์กลางการกระจายตัวของฝนดาวตกพิณอยู่ที่กลุ่มดาวพิณ (Lyra) ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ แต่สามารถมองเห็นได้ทั่วท้องฟ้า ฝนดาวตกพิณเป็นฝนดาวตกที่ค่อนข้างสว่าง จึงสามารถมองเห็นได้ง่ายแม้อยู่ในเขตเมืองที่มีแสงรบกวน

ปรากฏการณ์-ฝน-ดาวตก
ปรากฏการณ์-ฝน-ดาวตก

ฝนดาวตกอีตาคนแบกหม้อน้ำ

ฝนดาวตกอีตาคนแบกหม้อน้ำ (Eta Aquariids) เป็นฝนดาวตกที่เกิดจาก ดาวหางฮัลเลย์ (1P/Halley) โดยดาวหางฮัลเลย์จะโคจรรอบดวงอาทิตย์ทุก ๆ 76 ปี เมื่อดาวหางฮัลเลย์โคจรผ่านระบบสุริยะ เศษฝุ่นและอนุภาคหินจากแกนกลางของดาวหางจะหลุดออกมาสู่อวกาศ เมื่อเศษฝุ่นและอนุภาคหินเหล่านี้เข้าสู่ชั้นบรรยากาศของโลก มันจะเกิดการเผาไหม้และเกิดเป็นแสงสว่างที่เรามองเห็นเป็นดาวตก ฝนดาวตกอีตาคนแบกหม้อน้ำมี

จุดศูนย์กลางอยู่ที่กลุ่มดาวคนแบกหม้อน้ำ (Aquarius) ทางทิศตะวันออกของท้องฟ้า ช่วงเวลาที่ฝนดาวตกอีตาคนแบกหม้อน้ำมีอัตราตกสูงสุดคือในช่วงวันที่ 5-7 พฤษภาคม ของทุกปี โดยในปี 2566 จะมีอัตราตกสูงสุดในวันที่ 6 พฤษภาคม ประมาณ 50 ดวงต่อชั่วโมง อย่างไรก็ตาม ปีนี้จันทร์เพ็ญในวันที่ 6 พฤษภาคม จะทำให้แสงจันทร์รบกวนการ

มองเห็นดาวตกได้บ้าง หากต้องการชมฝนดาวตกอีตาคนแบกหม้อน้ำ ควรเลือกสถานที่ที่มืดสนิท ไม่มีแสงไฟรบกวน ควรนอนลงบนพื้นเรียบ หันหน้าไปทางทิศตะวันออก และมองท้องฟ้าแบบเปิดกว้าง ไม่ควรใช้กล้องส่องทางไกลในการชมดาวตก เพราะจะทำให้เห็นดาวตกได้น้อยลง

ฝนดาวตกเดลตาคนแบกหม้อน้ำใต้

ฝนดาวตกเดลตาคนแบกหม้อน้ำใต้ (Southern Delta-Aquariids) เป็นฝนดาวตกที่เกิดขึ้นเป็นประจำทุกปีในช่วงเดือนกรกฎาคม เกิดจากเศษฝุ่นและ สะเก็ดดาว จากดาวหาง 96P/Machholz ซึ่งโคจรรอบดวงอาทิตย์ทุกๆ 5.7 ปี ฝนดาวตกเดลตาคนแบกหม้อน้ำใต้มีจุดศูนย์กลางอยู่ที่กลุ่มดาวคนแบกหม้อน้ำ ทางทิศใต้ของท้องฟ้า อัตราการตกสูงสุดอยู่

ที่ประมาณ 25 ดวงต่อชั่วโมง แต่ดาวตกจากฝนดาวตกกลุ่มนี้มีความสว่างน้อยเมื่อเทียบกับฝนดาวตกกลุ่มหลักกลุ่มอื่น ๆ ในปี 2565 ฝนดาวตกเดลตาคนแบกหม้อน้ำใต้มีอัตราตกสูงสุดในวันที่ 29-30 กรกฎาคม สังเกตได้ดีที่สุดในช่วงเช้ามืดของวันที่ 31 กรกฎาคม โดยท้องฟ้าควรเปิดโล่ง ไม่มีแสงรบกวน

ปรากฏการณ์-ฝน-ดาวตก
ปรากฏการณ์-ฝน-ดาวตก

ฝนดาวตกเพอร์ซิอัส

ฝนดาวตกเพอร์ซิอัส (Perseid meteor shower) เป็นฝนดาวตกที่เกิดจากเศษซากดาวหางสวิฟต์-ทัตเทิล (Swift-Tuttle comet) เมื่อดาวหางโคจรเข้าใกล้ดวงอาทิตย์ เศษซากเหล่านี้จะหลุดออกมาจาก ดาวหาง และเข้าสู่วงโคจรรอบดวงอาทิตย์ เศษซากเหล่านี้จะพุ่งเข้าชนชั้นบรรยากาศของโลก ทำให้เกิดปรากฏการณ์ฝนดาวตก 

ฝนดาวตก เพอร์ซิอัสเกิดขึ้นในช่วงเดือนสิงหาคมของทุกปี ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการชมฝนดาวตกเพอร์ซิอัสคือในช่วงกลางคืนของวันที่ 11-12 สิงหาคม ซึ่งจะมีอัตราการเกิดดาวตกสูงสุดประมาณ 100-120 ดวงต่อชั่วโมง ฝนดาวตกเพอร์ซิอัสสามารถมองเห็นได้ทั่วโลก แต่จะเห็นได้ชัดเจนที่สุดในพื้นที่ที่มีแสงรบกวนน้อย เช่น ชนบทหรือที่ห่างไกลจากแสงไฟจากเมือง

ฝนดาวตกนายพราน

ฝนดาวตกนายพราน หรือ ฝนดาวตกโอไรโอนิดส์ (Orionid Meteors shower) เป็นฝนดาวตกประจำเดือนตุลาคมที่เกิดจากเศษฝุ่นของดาวหางฮัลเลย์ (Halley’s Comet) ซึ่งโคจรรอบดวงอาทิตย์ทุกๆ 76 ปี เมื่อโลกโคจรผ่านบริเวณที่ดาวหางฮัลเลย์เคยผ่านมา เศษฝุ่นของดาวหางเหล่านี้ก็จะตกลงสู่ชั้นบรรยากาศโลกและเกิดเป็นปรากฏการณ์ฝนดาวตก ฝนดาวตกนายพรานจะเกิดขึ้นสูงสุดในช่วงวันที่ 20 – 22 ตุลาคม ของทุกปี 

โดยมีอัตราการเกิดสูงสุดเฉลี่ย 20 ดวง ต่อชั่วโมง จุดกระจายของฝนดาวตกอยู่บริเวณแขนของกลุ่มดาวนายพราน (Orion) ใกล้กับดาวเบเทลจูส (Betelgeuse) ซึ่งกลุ่มดาวนี้จะเริ่มขึ้นทางทิศตะวันออกในเวลาประมาณ 23.00 น. การสังเกตฝน ดาวตกคือ มองด้วยตาเปล่าและเลือกสถานที่ที่ห่างจากแสงในเมืองให้มากที่สุด โดยมองหากลุ่มดาวนายพรานทางทิศตะวันออก ซึ่งกลุ่มดาวนี้จะมีดาว 3 ดวงอยู่ตรงกลางหรือเข็มขัดนายพราน 

ความพิเศษของฝนดาวตกนายพราน คือ ประมาณร้อยละ 20 ของดาวตกที่เกิดจากฝนดาวตกกลุ่มนี้ปรากฏร่องรอยของหมอกควันตามหลังดาวตก ซึ่งเกิดจากเศษฝุ่นของดาวหางฮัลเลย์ที่เผาไหม้จนหมดสิ้นในชั้นบรรยากาศโลก ในปี 2566 ฝนดาวตกนายพรานจะมีอัตราการเกิดสูงสุดในคืนวันที่ 21 ตุลาคม 2566 เวลาประมาณ 23.00 น. เป็นต้นไป ดวงจันทร์จะขึ้นในช่วงเช้ามืดของวันที่ 22 ตุลาคม 2566 จึงไม่มีแสงจันทร์รบกวนการสังเกตฝนดาวตก

ฝนดาวตกนายพราน
ฝนดาวตกสิงโต

ฝนดาวตกสิงโต

ฝนดาวตกสิงโต หรือ ฝนดาวตกลีโอนิดส์ (อังกฤษ: Leonids) เป็นฝนดาวตกหนาแน่น เกิดจากเศษดาวหาง เทมเพล-ทัตเติล ได้ชื่อว่าฝนดาวตกสิงโตเนื่องจากตำแหน่งของรัศมีของฝนดาวตกอยู่ในบริเวณกลุ่มดาวสิงโต กระแสของฝนดาวตกจะเริ่มต้นจากบริเวณนี้บนท้องฟ้า ฝนดาวตกสิงโตเกิดขึ้นทุกปีประมาณวันที่ 17 พฤศจิกายน โดยอาจ

เปลี่ยนไปบ้างในแต่ละปี อัตราการเกิดดาวตกสูงสุดอยู่ที่ประมาณ 100-1,000 ดวงต่อชั่วโมง บางครั้งอาจเกิดพายุฝนดาวตกที่มีอัตราการเกิดดาวตกมากกว่า 10,000 ดวงต่อชั่วโมง ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อโลกเคลื่อนผ่านบริเวณที่มีเศษดาวหางหนาแน่นเป็นพิเศษ ฝนดาวตกสิงโตสามารถมองเห็นได้ทั่วโลก แต่บริเวณที่มองเห็นได้ดีที่สุดคือบริเวณซีกโลกเหนือ โดยเฉพาะประเทศในแถบยุโรป อเมริกาเหนือ และเอเชีย สำหรับประเทศไทย ฝน

ดาวตกสิงโตในปี 2566 คาดว่าจะมีอัตราการเกิดดาวตกสูงสุดประมาณ 100-200 ดวงต่อชั่วโมง ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการดูฝนดาวตกสิงโตคือตั้งแต่หลังเที่ยงคืนเป็นต้นไป จนถึงรุ่งอรุณ โดยควรมองไปทางทิศตะวันออก ซึ่งเป็นทิศทางที่กลุ่มดาวสิงโตจะปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า

ติดตามข่าวสารได้ที่นี่ : https://AstronomyMoon.com

อ่านบทความเพิ่มเติม : ประเภทของกาแล็กซี่