ดาวฤกษ์มีกี่ดวง

ดาวฤกษ์มีกี่ดวง

ดาวฤกษ์มีกี่ดวง ดาวฤกษ์มีจำนวนมากมายมหาศาลจนไม่สามารถนับได้ นักดาราศาสตร์ประมาณว่า จักรวาลที่สังเกตได้มีดาวฤกษ์ทั้งหมดประมาณ 10^57 ดวง (หนึ่งต่อห้าสิบเจ็ดศูนย์) กาแลกซีทางช้างเผือก ซึ่งมีสุริยจักรวาลเป็นเพียงส่วนหนึ่งนั้น ดาวฤกษ์มีดาวอะไรบ้าง มีดาวฤกษ์ทั้งสิ้นประมาณ 4 พันล้านดวง 10% ของดาวฤกษ์เหล่านี้ (หรือ 400 ล้านดวง) มีลักษณะและรูปพรรณคล้ายกับดวงอาทิตย์ อย่างไรก็ตาม ตัวเลขเหล่านี้เป็นเพียงการประมาณการเท่านั้น เนื่องจากขอบเขตของจักรวาลที่สังเกตได้ยังมีจำกัด และยังมีดาวฤกษ์อีกมากมายที่ไม่สามารถมองเห็นได้ ตัวอย่างเช่น ดาวฤกษ์ขนาดเล็กและดาวฤกษ์ที่อยู่ไกลมากจนแสงยังเดินทางมาไม่ถึงโลก นอกจากนี้ ดาวฤกษ์ยังเกิดใหม่และตายไปอยู่ตลอดเวลา ส่งผลให้จำนวนดาวฤกษ์ในจักรวาลเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา

ดาวฤกษ์ คืออะไร

ดาวฤกษ์ คือ วัตถุท้องฟ้าที่เป็นก้อนพลาสมาสว่างขนาดใหญ่ที่คงอยู่ได้ด้วยแรงโน้มถ่วง ดาวฤกษ์ที่อยู่ใกล้โลกมากที่สุด คือ ดวงอาทิตย์ ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานหลักของโลก เราสามารถมองเห็นดาวฤกษ์อื่น ๆ ได้บนท้องฟ้ายามราตรี หากไม่มีแสงจากดวงอาทิตย์บดบัง ดาวฤกษ์มีกี่ดวง ดาวฤกษ์ก่อตัวขึ้นจากการรวมตัวกันของกลุ่มก๊าซและฝุ่นในอวกาศที่เรียกว่า “เนบิวลา” เมื่อกลุ่มก๊าซและฝุ่นมีมวลมากพอ แรงโน้มถ่วงจะดึงดูดให้ก๊าซและฝุ่นยุบตัวลง อุณหภูมิและความดันที่แกนกลางของดาวฤกษ์จะสูงขึ้นจนเกิดปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิวชันขึ้น ปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิวชันนี้จะเปลี่ยนไฮโดรเจนให้เป็นฮีเลียม โดยปล่อยพลังงานออกมาเป็นจำนวนมาก พลังงานนี้ทำให้ดาวฤกษ์สว่างและร้อน ดาวฤกษ์มีกี่ดวง มีวิวัฒนาการไปตามกาลเวลา ดาวฤกษ์มีกี่ดวง ดาวฤกษ์ที่มีมวลมากจะมีอายุสั้นกว่าดาวฤกษ์ที่มีมวลน้อย ดาวฤกษ์ที่มีมวลมากจะสิ้นสุดอายุขัยด้วยการระเบิดเป็นซูเปอร์โนวา ในขณะที่ดาวฤกษ์ที่มีมวลน้อยจะสิ้นสุดอายุขัยด้วยการกลายเป็นดาวแคระขาว

การเกิดของดวงฤกษ์

ดาวฤกษ์มีกี่ดวง

ดาวฤกษ์เกิดจากอะไร ดาวฤกษ์เกิดขึ้นได้อย่างไร การเกิดของดวงฤกษ์เกิดขึ้นจากการหดตัวของเมฆโมเลกุลที่มีไฮโดรเจนเป็นส่วนประกอบหลัก รวมไปถึงฮีเลียม และธาตุอื่นที่หนักกว่าอีกจำนวนหนึ่ง เมื่อแก่นของดาวฤกษ์มีความหนาแน่นมากเพียงพอ ไฮโดรเจนบางส่วนจะถูกเปลี่ยนเป็นฮีเลียมผ่านกระบวนการนิวเคลียร์ฟิวชันอย่างต่อเนื่อง ส่วนภายในที่เหลือของดาวฤกษ์จะนำพลังงานออกจากแก่นผ่านทางกระบวนการแผ่รังสีและการพาความร้อนประกอบกัน ความดันภายในของดาวฤกษ์ป้องกันมิให้มันยุบตัวต่อไปจากแรงโน้มถ่วง

ของมันเอง กระบวนการเกิดดาวฤกษ์ การที่ใช้เวลานานหลายล้านปี ดาวฤกษ์แต่ละดวงมีมวลและอายุที่แตกต่างกันออกไป ดาวฤกษ์ที่มีมวลมากจะมีอายุสั้นกว่าดาวฤกษ์ที่มีมวลน้อย ดวงอาทิตย์มีมวลประมาณ 1 เท่าของมวลดวงอาทิตย์ และมีอายุประมาณ 4.5 พันล้านปี การ กําเนิดดาวฤกษ์ มีความสำคัญต่อเอกภพเป็นอย่างมาก สรุปดาวฤกษ์ เป็นแหล่งพลังงานที่สำคัญของเอกภพ แสงและความร้อนจากดาวฤกษ์ช่วยให้สิ่งมีชีวิตสามารถดำรงชีวิตได้ นอกจากนี้ ดาวฤกษ์ยังเป็นจุดกำเนิดของธาตุหนักต่างๆ ในเอกภพ

การจำแนกดาวฤกษ์

ดาวฤกษ์-สีและอุณหภมูิผิว

ดาวฤกษ์มีกี่ดวง การจำแนกดาวฤกษ์ เป็นการจำแนกประเภทของดาวฤกษ์ หรือ ลักษณะของดาวฤกษ์ ตามอุณหภูมิพื้นผิว ซึ่งสามารถบอกได้จากการสังเกตสเปกตรัมของแสงที่ดาวฤกษ์นั้นปล่อยออกมา สีและอุณหภูมิของดาวฤกษ์ มีความสัมพันธ์กับสีของดาวฤกษ์ โดย สีของดาวฤกษ์ ที่มีอุณหภูมิสูงจะมีสีฟ้าหรือฟ้าขาว ในขณะที่ดาวฤกษ์ที่มีอุณหภูมิต่ำจะมีสีเหลืองหรือแดง การจำแนกดาวฤกษ์ในปัจจุบันแบ่งออกเป็น 7 ประเภท

  1. ประเภท O เป็นดาวฤกษ์ที่มีมวลมากที่สุดและร้อนที่สุด อุณหภูมิพื้นผิวสูงเกินกว่า 30,000 องศาเซลเซียส ดาวฤกษ์ประเภท O จะมีสีฟ้าหรือฟ้าขาว
  2. ประเภท B เป็นดาวฤกษ์ที่มีมวลมาก อุณหภูมิพื้นผิวสูงประมาณ 10,000-30,000 องศาเซลเซียส ดาวฤกษ์ประเภท B จะมีสีฟ้าหรือฟ้าอมน้ำเงิน
  3. ประเภท A เป็นดาวฤกษ์ที่มีมวลปานกลาง อุณหภูมิพื้นผิวสูงประมาณ 7,500-10,000 องศาเซลเซียส ดาวฤกษ์ประเภท A จะมีสีฟ้าอมขาว
  4. ประเภท F เป็นดาวฤกษ์ที่มีมวลปานกลาง อุณหภูมิพื้นผิวสูงประมาณ 6,000-7,500 องศาเซลเซียส ดาวฤกษ์ประเภท F จะมีสีเหลืองอมขาว
  5. ประเภท G เป็นดาวฤกษ์ที่มีมวลปานกลาง อุณหภูมิพื้นผิวสูงประมาณ 5,000-6,000 องศาเซลเซียส ดาวฤกษ์ประเภท G จะมีสีเหลือง
  6. ประเภท K เป็นดาวฤกษ์ที่มีมวลปานกลาง อุณหภูมิพื้นผิวสูงประมาณ 3,500-5,000 องศาเซลเซียส ดาวฤกษ์ประเภท K จะมีสีส้ม
  7. ประเภท M เป็นดาวฤกษ์ที่มีมวลน้อยที่สุดและเย็นที่สุด อุณหภูมิพื้นผิวต่ำกว่า 3,500 องศาเซลเซียส ดาวฤกษ์ประเภท M จะมีสีแดงหรือน้ำตาล

 

นอกจากการจำแนกประเภทดาวฤกษ์ตามอุณหภูมิพื้นผิวแล้ว ยังสามารถจำแนกประเภทดาวฤกษ์ตามลักษณะสเปกตรัมอื่นๆ ได้อีก ชนิดสเปกตรัมของดาวฤกษ์ เช่น ประเภท L และ T ซึ่งเป็นดาวฤกษ์มวลน้อยที่เย็นที่สุด กับดาวแคระน้ำตาล การจำแนกประเภทดาวฤกษ์มีความสำคัญต่อการศึกษาเกี่ยวกับดาวฤกษ์ เนื่องจากสามารถบอกถึงคุณสมบัติต่างๆ ของดาวฤกษ์ได้ เช่น มวล อุณหภูมิ องค์ประกอบทางเคมี อายุ และวิวัฒนาการของ ดาวฤกษ์

จุดจบของดาวฤกษ์

จุดจบของดาวฤกษ์ ขึ้นอยู่กับมวลของดาวฤกษ์นั้น ๆ โดยดาวฤกษ์ที่มีมวลน้อยกว่า 8 เท่าของดวงอาทิตย์จะสิ้นสุดชีวิตลงด้วยการกลายเป็นดาวแคระขาว ดาวฤกษ์ที่มีมวลระหว่าง 8 ถึง 10 เท่าของดวงอาทิตย์จะสิ้นสุดชีวิตลงด้วยการกลายเป็นดาวนิวตรอน คุณสมบัติของดาวฤกษ์ มีมวลมากกว่า 10 เท่าของดวงอาทิตย์จะสิ้นสุดชีวิตลงด้วยการกลายเป็นหลุมดำ

ดาวฤกษ์

ดาวแคระขาว

ดาวแคระขาวเป็นดาวฤกษ์ที่หมดเชื้อเพลิงฟิวชั่นแล้ว ดาวฤกษ์ที่มีมวลน้อยกว่า 8 เท่าของดวงอาทิตย์จะยุบตัวลงจนเหลือเพียงแกนกลางที่ประกอบด้วยธาตุหนัก เช่น คาร์บอน ออกซิเจน และนีออน แกนกลางนี้จะมีมวลประมาณ 1.4 เท่าของดวงอาทิตย์ แต่มีรัศมีเพียงประมาณ 10,000 กิโลเมตรเท่านั้น ดาวแคระขาวจะเปล่งแสงออกมาจากการแผ่รังสีความร้อนจากแกนกลาง ดาวแคระขาวจะคงอยู่เป็นล้านล้านปี

ดาวนิวตรอน

ดาวนิวตรอนเป็นดาวฤกษ์ที่มีมวลระหว่าง 8 ถึง 10 เท่าของดวงอาทิตย์ ดาวฤกษ์เหล่านี้จะยุบตัวลงจนเหลือเพียงแกนกลางที่ประกอบด้วยธาตุนิวตรอน แกนกลางนี้จะมีมวลประมาณ 1.4 ถึง 3 เท่าของดวงอาทิตย์ แต่มีรัศมีเพียงประมาณ 10 กิโลเมตรเท่านั้น ดาวนิวตรอนจะเปล่งแสงออกมาจากการแผ่รังสีความร้อนจากแกนกลาง ดาวนิวตรอนจะคงอยู่เป็นล้านๆปี

หลุมดำ

หลุมดำเป็นดาวฤกษ์ที่มีมวลมากกว่า 10 เท่าของดวงอาทิตย์ ดาวฤกษ์เหล่านี้จะยุบตัวลงจนเหลือเพียงจุดศูนย์กลางที่ไม่มีอะไรสามารถหนีออกมาได้ หลุมดำมีแรงดึงดูดสูงมากจนแม้แต่แสงก็ไม่สามารถหนีออกมาได้ หลุมดำจะคงอยู่ตลอดไป

ซูเปอร์โนวา

ซูเปอร์โนวาคือปรากฏการณ์การระเบิดของดาวฤกษ์ ซูเปอร์โนวาสามารถเกิดขึ้นได้กับดาวฤกษ์ที่มีมวลตั้งแต่ 8 เท่าของดวงอาทิตย์ขึ้นไป ซูเปอร์โนวาเกิดขึ้นเมื่อดาวฤกษ์หมดเชื้อเพลิงฟิวชั่นแล้วและไม่สามารถรักษาสมดุลระหว่างแรงโน้มถ่วงและแรงดันภายในดาวได้ ดาวฤกษ์จะยุบตัวลงอย่างรวดเร็วและทำให้เกิดคลื่นกระแทกอันทรงพลังที่แผ่ออกมาทุกทิศทาง คลื่นกระแทกนี้สามารถทำให้ดาวฤกษ์ที่อยู่ใกล้เคียงแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยได้ ซูเปอร์โนวาเป็นปรากฏการณ์ที่สว่างมาก สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าได้แม้อยู่ไกลหลายพันปีแสง

ติดตามข่าวสารได้ที่นี่ : https://AstronomyMoon.com

อ่านบทความเพิ่มเติม : ดาวเคราะห์แคระมีอะไรบ้าง